เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมาก็ไปเที่ยวเกาะขนาดใหญ่ที่สุดในไทย และได้มีโอกาสแวะฟาร์มแพะแบ๊ะแบ๊ะแห่งหนึ่งน่ารักมาก ก็เล่นกะแพะ ดูวิธีรีดนมนู่นนี่นั่นไป(ซึ่งไม่ใช่ประเด็นของเรื่องที่จะพูด) จนมาถึงกระบวนการสุดท้าย นั่นคือซื้อของกลับบ้าน มีนมแพะ โยเกิร์ตนมแพะ และสบู่ก้อนนมแพะไร้โซดาไฟ
ฮะ อะไรนะ
"สบู่ก้อนนมแพะไร้โซดาไฟ ไม่ได้ใช้โซดาไฟในกระบวนการผลิต" เพราะสบู่เหลวจะใช้โซดาไฟในการผลิตนะ!!
เราก็งง เรียนเคมีอ. ... ตอนม.5 มา เค้าบอกว่าสบู่ใช้โซดาไฟเป็นสารตั้งต้น แต่นี่มาใหม่ ไม่ใช้โซดาไฟเว้ยเฮ้ย
ตอนแรกก็กะจะถามว่าใช้สารเบสอะไรอย่างอื่นหรอครับ หรือมีวิธีผลิตแบบอื่นแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถาม กลัวถามมากเค้าจะเอานมแพะมาตบหน้าเอา เลยจำกลับมาหาข้อมูลเงียบๆคนเดียว T^T
เอาเป็นว่าเอาข้อมูลทางวิชาการเบื้องต้นก่อนแล้วกัน
การทำสบู่ง่ายๆเนี่ย คือเอาสารละลายโซดาไฟ (NaOH) ผสมกับไขมัน(น้ำมันหมู น้ำมันพืช น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์มใช้ได้หมด แต่เนื้อสบู่อาจออกมาต่างกันเล็กน้อย) อุ่นด้วยกัน กวนๆซักพักจะได้สบู่ แล้วปล่อยมันทิ้งไว้ซักเดือนให้อยู่ตัว ให้สบู่อยู่ตัวก็เอามาใช้เป็นสบู่แบบง่ายๆได้ แต่ถ้าอุตสาหกรรมก็จะเติมสารอื่นบำรุงผิว เสริมความชุ่มชื่น แต่งกลิ่น กันเสีย บลาๆๆ อะไรก็ว่าไป
NaOH(โซดาไฟ) + triglyceride(ไขมัน, น้ำมัน) > soap(สบู่) + glycerol(บางคนเรียก glycerin)
หน้าตาโซดาไฟ (มักขายเป็นเกล็ดแผ่นๆ)
http://en.wikipedia.org/wiki/Sodium_hydroxide
ง่ายมะ
แต่ทีนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า
โซดาไฟเนี่ย มีฤทธิ์เป็นเบสแก่ ถ้ามีความเข้มข้นพอประมาณจะมีฤทธิ์กัดกร่อนเนื้อเยื่อได้หละ
คนทั่วไปมักจะคุ้นว่าเอามาเทใส่ส้วมตัน!!!!!!!เฮ่ย มันฟังดูอันตรายอะ อันตรายมากด้วย กด VDO ดูได้หละ
ทีนี้มาแนวชาวบ้านกันบ้าง ทำง่ายกว่านี้อีก แถมไม่มีโซดาไฟเป็นส่วนผสมด้วย
คือเอาเกล็ดสบู่ผสมกลีเซอรีน ใส่ขมิ้น, มะขามเปียก หรืออื่นๆ ตามสูตร ตั้งไฟอ่อนๆกวนทิ้งไว้แป๊บแล้วรอไม่ถึงชั่วโมงให้มันแข็งก็ได้สบู่มาใช้ละ
ง่ายกว่าอีวิธีข้างบนอีก!!!!!
เชดด สุดยอดนวัตกรรม รวดเร็ว แถมไม่มีอันตรายจากโซดาไฟอีกด้วย
หรอออออออออออออออออออ
จากที่เขียนมา มันมีคำๆนึงที่มีไม่เหมือนตามวิชาการนั่นคือคำว่า "เกล็ดสบู่"
เฮ่ย เค้าใช้เกล็ดสบู่แทนโซดาไฟอะ เค้าเลยบอกสบู่ไม่มีโซดาไฟ
เกล็ดสบู่
http://www.zippysoap.com/product/290/
จะบ้าหรอ มันไม่ใช่แบบนั้นนะครับ
ไอ้คำว่าเกล็ดสบู่ที่เค้าเอามาใช้นั่นหนะ มันคือสบู่ที่ได้จากการเอาโซดาไฟผสมกับน้ำมันรอ1เดือนโดยที่ยังไม่ได้ใส่สารเคมีอย่างอื่นเพิ่มนั่นแหละคร้าบ มันคือสบู่แบบที่ง่ายที่สุดที่โลกมีเอามาขายให้ชาวบ้าน แล้วชาวบ้านก็เอาสบู่นั้นมาตั้งไฟให้ละลายแล้วค่อยเอาสารบำรุงผิวมาใส่ แล้วรอให้แข็งอีกรอบนึงต่างหาก
soap(สบู่) >ผ่านความร้อน>ละลาย>สารบำรุงผิว>ปล่อยให้เย็น
สรุปสบู่นั่นก็มีจุดเริ่มต้นที่สุดเป็นโซดาไฟอยู่ดี แต่โซดาไฟนั้นทำปฏิกิริยากับไขมันจนกลายเป็นสบู่จนหมดแล้วนะ
เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าสบู่จะเป็นอันตรายต่อผิวหน้าอันแสนบอบบางของเรา ^^